วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559


( การเลือกแผนการเรียน คือ อะไร )

มีน้องๆทักแชทเข้ามาถามพี่เยอะมากๆครับว่าเราจะเลือกแผนการเรียนได้ตอนไหนและก็ต้องเลือกยังไง วันนี้พี่จะมาอธิบายในประเด็นนี้ให้เข้าใจกันครับ

ต้องขอเกริ่นก่อนเลยนะครับสำหรับการเรียนรัฐศาสตร์ในคณะที่เราเรียน ณ ปัจจุบันนั้นมีทั้งหมด 4 แผนการเรียน คือ


- แผน A การเมืองการปกครอง
- แผน B ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- แผน C บริการรัฐกิจ
- แผน D บริหารงานยุติธรรม ( ไม่เปิดให้เรียนแล้ว )

ในวันนี้พี่จะมาอธิบายแค่ในเรื่องการเลือกแผนการเรียนน๊ะครับเพื่อไม่ให้ยาวจนเกินไป

น้องๆนักศึกษาปี 1 นั้นในเทอมแรกที่น้องสมัครเรียนทางมหาลัยจะมีใบรายวิชาแค่ไม่เกิน 24 หน่วยกิตเท่านั้นซึ่งวิชาส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิชาพื้นฐานทั้งนั้นและจากคำถามที่น้องๆถามมาว่าเราจะเลือกแผนตอนไหนพี่ก็ขอบอกไว้เลยน๊ะครับว่าในปีที่ 2 ครับซึ่งการเลือกแผนการเรียนนั้นทางมหาลัยไม่มีหนังสืออะไรให้ทั้งนั้นให้น้องต้องเซ็นต์ครับเพียงแต่น้องๆต้องไปที่ตึกคณะรัฐศาสตร์ ( ตึกเก่า ) ชั้นที่ 2 และไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อขอใบแผนครับและมาดูว่าเราชอบสายวิชาในแผนไหนก็ลงทะเบียนเรียนรายวิชาตามใบแผนที่น้องๆชื่นชอบครับ



( ตึกคณะรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหน )

ในมหาลัยของเรานั้นจะมีตึกรัฐศาสตร์อยู่สองตึก คือ ตึกเก่าและตึกใหม่ ( ตึกสูงๆ ) และถ้าน้องๆอยากจะได้ใบแผนน้องก็ต้องไปที่ตึกเก่าซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตึก VKB ( ตึกที่ลงทะเบียน ) และน้องๆก็ขึ้นไปที่ชั้น 2 และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่ามาขอใบแผนแค่นี้น้องๆก็จะได้ใบแผนมาเทียบดูวิชาเพื่อที่น้องจะเลือกวิชาของแต่ละแผนที่น้องอยากจะเรียนแล้วครับ


กดติดตาม Facebook ผู้เขียนที่ https://www.facebook.com/tutorkrisada

ก็แค่บัณฑิตราม ?


ก็แค่บัณฑิตราม ?

  สวัสดีครับน้องๆฤดูกาลนี้ก็เข้าหน้าฝนกันแล้วและก็เป็นฤดูกาลที่น้องๆรหัส 59 ก็ได้เข้ามาสุ่รั้วรามคำแหงห่างหายจากการเขียนบทความตั้งนานวันนี้พี่ก็ระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆเมื่อครั้งที่พี่ยังเรียนรามและได้เห็นหลากหลายชีวิตในรั้วองค์พ่อขุนนี้ซึ่งมีคนทุกประเภท ทุกอาชีพและทุกสถานะที่เข้ามาศึกษาในรั้วรามคำแหงแห่งนี้ครับ

หลายคนสงสัยทำไมพี่ถึงตั้งชื่อเรื่องว่า '' ก็แค่บัณฑิตราม '' อย่าได้สงสัยเลยครับมหาลัยดังๆมีชื่อเสียงหรือมหาลัยเอกชนนักศึกษาบางคนอาจจะคิดว่าจะอะไรมากมายกับการเรียนจบปริญญาตรี หลายๆคนคิดว่ามันก็แค่ใบกระดาษแผ่นนึง ฯลฯ และหลายๆคนก็สงสัยนะครับว่าทำไมคนที่จบรามส่วนมากถึงมีความยินดีอะไรจนเกินเหตุ วันนี้พี่จะมาเขียนถึงหลากหลายชีวิตในรามว่าอะไรที่ทำให้คนที่จบจากรามทุกคนถึงมีความยินดีเป็นอย่างมากและอะไรที่ทำให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยที่เข้าง่ายแต่ออกได้ยาก

1. เด็กรามส่วนใหญ่ทำงานและส่งตัวเองเรียนไปด้วย

เรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่องจริงครับที่ว่าเด็กรามส่วนใหญ่จะทำงานและหาเงินเรียนเองเพราะว่าสถานะทางการเงินและครอบครัวของเด็กรามส่วนมากนั้นค่อนข้างจะยากจนบางคนทำงานเป็นกรรมกรและส่งเสียตัวเองเรียน บางคนทำอาชีพเก็บของเก่าและมาเรียนรามก็ยังมีครับ ดังนี้แล้วคนที่เรียนรามที่จบได้ส่วนมากจะมีวินัยในตัวเองสูงมากๆเพราะที่รามคำแหงแห่งนี้เขาไม่คเยบังคับให้ท่านเข้าเรียนแต่ท่านต้องรู้จักเรียนเองครับ

ภาพเมื่อครั้งที่พี่ทำงานเป็นเด็กติดรถส่งของแต่อะไรก็ไม่รุ้ที่อยุ่ๆก็เรียนจบและได้เป็นวิทยากรให้กับองค์กรต่างๆแบบ งง ฮร่าา

2. การเรียนรามคุณต้องวางแผนเรียนเอง

ใน ม.รามคำแหงนั้นคงไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวเราเองเพราะเด็กรามทั้งหมดจะต้องเลือกวิชาเรียนเอง มาลงทะเบียนเอง วางแผนการเรียนเอง บางคนเข้ามาแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไร้ทิศไร้ทางไร้เพื่อนจนทำให้ไม่ค่อยอยากมาเรียนและทำให้เราท้อเมื่อสอบตกหลายๆครั้ง บางคนท้อแล้วท้ออีกเรียนจนถึง 10 กว่าปีก็ยังมีครับ

3. ความภูมิใจคือการได้ทำงานส่งตัวเองเรียน

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเด็กรามที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนก็คือการที่เด็กรามต้องทำงานแบบเต็มเวลาและส่งเสียตัวเองเรียนนี่แหละครับเพราะเด็กรามส่วนใหญ่ทำงานแบบเต็มเวลาและแทบไม่ได้เข้าเรียน ดังนั้นแล้วการขยันและค้นคว้าด้วยตนเองคือวินัยของเด็กรามทำกันอยุ่เป็นประจำจนจบการศึกษาครับ

4. น้ำตาในวันรับปริญญา

น้ำตาหยดแรกคือหยดที่่เราท้อแท้เมื่อครั้งตอนเรียนเพราะไร้ทิศไร้ทางสอบตกมาตลอดและน้ำตาหยดสุดท้ายก็คือหยดในวันรับปริญยาที่เราสามารถฝ่าฟันอุปสรรค์ต่างๆจนมาถึงวันแห่งความสำเร็จได้ครบครัวมาแสดงความยินดีและน้ำตาแห่งความยินดีก็หลั่งไหลออกมาในวันที่เรารับปริญญา



สุดท้ายนี้พี่ก็อยากจะฝากน้องๆที่เพิ่งเข้ามาในภาคการศึกษา 2559 นี้ว่าการวางแผนการเรียนล่วงหน้าและการสร้างวินัยในการเรียนคือสิ่งที่สำคัญในการเรียนรามครับการรู้จักการบริหารเวลาและพัฒนาตนเองในรอบด้านก็ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเรียนรามและมีผลสำคัญในภายภาคหน้าเมื่อหลังเรียนจบออกไปครับผม

 '' อย่าท้อแท้ถ้าเรายังมีแรงและอย่ายอมแพ้ถ้าเรายังไม่แพ้ ''

P. Boom  เขียน

กดติดตาม Facebook ผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/tutorkrisada