ก็แค่บัณฑิตราม ?
สวัสดีครับน้องๆฤดูกาลนี้ก็เข้าหน้าฝนกันแล้วและก็เป็นฤดูกาลที่น้องๆรหัส 59 ก็ได้เข้ามาสุ่รั้วรามคำแหงห่างหายจากการเขียนบทความตั้งนานวันนี้พี่ก็ระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆเมื่อครั้งที่พี่ยังเรียนรามและได้เห็นหลากหลายชีวิตในรั้วองค์พ่อขุนนี้ซึ่งมีคนทุกประเภท ทุกอาชีพและทุกสถานะที่เข้ามาศึกษาในรั้วรามคำแหงแห่งนี้ครับ
หลายคนสงสัยทำไมพี่ถึงตั้งชื่อเรื่องว่า '' ก็แค่บัณฑิตราม '' อย่าได้สงสัยเลยครับมหาลัยดังๆมีชื่อเสียงหรือมหาลัยเอกชนนักศึกษาบางคนอาจจะคิดว่าจะอะไรมากมายกับการเรียนจบปริญญาตรี หลายๆคนคิดว่ามันก็แค่ใบกระดาษแผ่นนึง ฯลฯ และหลายๆคนก็สงสัยนะครับว่าทำไมคนที่จบรามส่วนมากถึงมีความยินดีอะไรจนเกินเหตุ วันนี้พี่จะมาเขียนถึงหลากหลายชีวิตในรามว่าอะไรที่ทำให้คนที่จบจากรามทุกคนถึงมีความยินดีเป็นอย่างมากและอะไรที่ทำให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยที่เข้าง่ายแต่ออกได้ยาก
1. เด็กรามส่วนใหญ่ทำงานและส่งตัวเองเรียนไปด้วย
เรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่องจริงครับที่ว่าเด็กรามส่วนใหญ่จะทำงานและหาเงินเรียนเองเพราะว่าสถานะทางการเงินและครอบครัวของเด็กรามส่วนมากนั้นค่อนข้างจะยากจนบางคนทำงานเป็นกรรมกรและส่งเสียตัวเองเรียน บางคนทำอาชีพเก็บของเก่าและมาเรียนรามก็ยังมีครับ ดังนี้แล้วคนที่เรียนรามที่จบได้ส่วนมากจะมีวินัยในตัวเองสูงมากๆเพราะที่รามคำแหงแห่งนี้เขาไม่คเยบังคับให้ท่านเข้าเรียนแต่ท่านต้องรู้จักเรียนเองครับ
ภาพเมื่อครั้งที่พี่ทำงานเป็นเด็กติดรถส่งของแต่อะไรก็ไม่รุ้ที่อยุ่ๆก็เรียนจบและได้เป็นวิทยากรให้กับองค์กรต่างๆแบบ งง ฮร่าา |
2. การเรียนรามคุณต้องวางแผนเรียนเอง
ใน ม.รามคำแหงนั้นคงไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวเราเองเพราะเด็กรามทั้งหมดจะต้องเลือกวิชาเรียนเอง มาลงทะเบียนเอง วางแผนการเรียนเอง บางคนเข้ามาแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไร้ทิศไร้ทางไร้เพื่อนจนทำให้ไม่ค่อยอยากมาเรียนและทำให้เราท้อเมื่อสอบตกหลายๆครั้ง บางคนท้อแล้วท้ออีกเรียนจนถึง 10 กว่าปีก็ยังมีครับ
3. ความภูมิใจคือการได้ทำงานส่งตัวเองเรียน
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเด็กรามที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนก็คือการที่เด็กรามต้องทำงานแบบเต็มเวลาและส่งเสียตัวเองเรียนนี่แหละครับเพราะเด็กรามส่วนใหญ่ทำงานแบบเต็มเวลาและแทบไม่ได้เข้าเรียน ดังนั้นแล้วการขยันและค้นคว้าด้วยตนเองคือวินัยของเด็กรามทำกันอยุ่เป็นประจำจนจบการศึกษาครับ
4. น้ำตาในวันรับปริญญา
น้ำตาหยดแรกคือหยดที่่เราท้อแท้เมื่อครั้งตอนเรียนเพราะไร้ทิศไร้ทางสอบตกมาตลอดและน้ำตาหยดสุดท้ายก็คือหยดในวันรับปริญยาที่เราสามารถฝ่าฟันอุปสรรค์ต่างๆจนมาถึงวันแห่งความสำเร็จได้ครบครัวมาแสดงความยินดีและน้ำตาแห่งความยินดีก็หลั่งไหลออกมาในวันที่เรารับปริญญา
สุดท้ายนี้พี่ก็อยากจะฝากน้องๆที่เพิ่งเข้ามาในภาคการศึกษา 2559 นี้ว่าการวางแผนการเรียนล่วงหน้าและการสร้างวินัยในการเรียนคือสิ่งที่สำคัญในการเรียนรามครับการรู้จักการบริหารเวลาและพัฒนาตนเองในรอบด้านก็ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเรียนรามและมีผลสำคัญในภายภาคหน้าเมื่อหลังเรียนจบออกไปครับผม
'' อย่าท้อแท้ถ้าเรายังมีแรงและอย่ายอมแพ้ถ้าเรายังไม่แพ้ ''
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น